เครดิตบูโร คืออะไร แล้วทำไมเราต้องตรวจเครดิตบูโรก่อนยื่นกู้?

ข้อมูลเครดิต เครดิตบูโร (Credit Bureau) ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมหนี้สินในระบบที่ใหญ่ที่สุดของระบบการเงินไทย โดยข้อมูลเหล่านี้จะได้มาจากธนาคาร สถาบันการเงิน และ Non-Bank ที่เป็นสมาชิกขององค์กรกลาง ทำให้สถาบันการเงินรู้ว่าการใช้บัตรเครดิตของแต่ละคนเป็นอย่างไร มีประวัติหนี้ดีหนี้เสียอย่างไร จ่ายครบ จ่ายตรงหรือไม่ และมีภาระหนี้มากน้อยแค่ไหนซึ่งในบ้านเราเรียกองค์กรกลางนี้ว่า บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด นั่นเอง ‘เครดิตบูโร’ สำคัญยังไง ทำไมต้องตรวจเครดิตบูโรก่อนยื่นกู้? เพื่อตรวจเช็กข้อมูลตัวเองในเรื่องประวัติการชำระสินเชื่อทั้งหมดที่เรามีว่าเป็นอย่างไร สะท้อนถึงพฤติกรรมและวินัยทางการเงินของเจ้าของข้อมูล รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการชำระหนี้และความน่าเชื่อถือด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการตรวจสอบให้กับตัวเองอีกด้วยว่าเอกสารสำคัญส่วนตัวของเรา มีใครนำไปแอบอ้างทำอะไรหรือไม่ เหตุผลที่ต้องตรวจเครดิตบูโร การตรวจเครดิตบูโรเป็นเหมือนการตรวจสุขภาพทางการเงินประจำปี อย่างน้อยก็ช่วยให้รู้ว่าปีนี้ยังมีสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรงหรือเปล่า ต้องปรับปรุงอะไรบ้าง เพื่อจะได้วางแผนการเงินเผื่ออนาคต ต้องทำอย่างไร ให้การขอสินเชื่อง่ายขึ้น ทำประวัติเราให้ดีก่อนทำการกู้เงิน เมื่อเรายื่นขอสินเชื่อ ธนาคารจะส่งข้อมูลของเราไปยังบริษัทที่ชื่อว่าเครดิตบูโร เพื่อตรวจดูประวัติการชำระสินเชื่อต่างๆ ว่าเรามีประวัติเป็นยังไง มีประวัติจ่ายเงินตรงเวลาแค่ไหน หรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า หากชื่อของเราขึ้นในเครดิตบูโรว่ามีการค้างชำระ หรือมีประวัติเสีย ธนาคารอาจจะเลื่อนการอนุมัติสินเชื่อหรือปฏิเสธการขอสินเชื่อของเราได้เลย ฉะนั้น ระหว่างที่ไปก่อหนี้ใหม่ การชำระหนี้ปัจจุบันที่เรามีอยู่ต้องชำระให้ตรงเวลา เพื่อไม่ให้ประวัติที่ไม่ดีปรากฎในเครดิตของเรา เอกสารถูกต้องและพร้อม ก่อนจะสมัครเพื่อขอสินเชื่อแต่ละธนาคาร ควรตรวจสอบคุณสมบัติตัวเองก่อนว่าเข้าเกณฑ์ธนาคารไหน เพื่อจะได้สอบถามที่ต้องเตรียมจากทางธนาคาร ทางที่ดีที่สุดควรสอบถามกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ว่าถ้าต้องการขอสินเชื่อนั้นต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง แล้วเตรียมมาให้ครบ การเดินบัญชีเรื่องสำคัญ การเดินบัญชีหรือจะเรียกว่า “หมุนเวียนเงินในบัญชี” สำหรับมนุษย์เงินเดือนเป็นเรื่องที่ปกติ เพราะมนุษย์เงินเดือนจะมีเงินเดือนโอนเข้ามาทุกเดือนเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ยากกว่า สำหรับการเดินบัญชีที่ดีคือต้องมีเงินฝากเหลือทิ้งไว้ในบัญชี เหมือนว่าเรามีเงินเก็บอยู่ในนั้น สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธนาคารได้เป็นอย่างดี ถ้ามีเงินเข้าและออกเท่ากันไม่มีเงินคงเหลือในบัญชีเลย ธนาคารก็จะลดความน่าเชื่อถือลงไป
ทำไมซีพีเอ็นถึงใช้อิฐมอญแดง

การมีบ้านถือว่าเป็นความใฝ่ฝันของทุกๆคน การที่เราจะมีบ้านสักหลัง คุณภาพของบ้านถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด การที่ซีพีเอ็นสร้างบ้านด้วยระบบเสา คาน ถือเป็นการสร้างที่มีโครงสร้างที่แข็งแรง แม้ในปัจจุบันการก่อสร้างที่มีกันอยู่ในเมืองไทย จะเป็นวัสดุอย่างอิฐมวลเบา หรือผนังหล่อสำเร็จต่างๆ เข้ามา แต่การสร้างบ้านด้วยระบบเสา คานและก่อด้วยอิฐมอญแดงก็ยังคงเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพมาก ข้อดี ของการสร้างบ้านด้วยอิฐแดง 2. อิฐมอญแดงนั้นมีความหนาแน่นของเนื้อวัสดุมากกว่าอิฐมวลเบา จึงเหมาะสำหรับ การก่อเป็นผนัง รอบห้องน้ำโดยไม่ต้องกลัว ผนังจะดูดซับความชื้น ซึ่งดีกว่าผนังอิฐมวลเบา ที่มีรูพรุนจำนวนมาก ทำให้น้ำซึมได้ง่าย เกิดความเสียหายลุกลามจนถึงอีกด้าน เช่น สีร่อนพอง, วอลเปเปอร์ร่อนเปื่อย, ผนังขึ้นรา หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ 3. อิฐมอญแดงนั้น นอกจากใช้ก่อเป็นผนังบ้านที่แข็งแรงแล้ว ยังนำมาดัดแปลง ตกแต่งสวน หรือก่อเป็นผนังสวยงามได้ง่ายกว่าอิฐมวลเบา 4. การสร้างบ้านด้วยระบบเสา คานต้องใช้แรงงานที่มีคุณภาพ และใช้ระยะเวลานานกว่าการสร้างแบบแผ่นสำเร็จ ทำให้ได้คุณภาพที่ดีและคงทน
แต่งบ้านยังไง ให้เป็นสไตล์ Muji (How to be Muji style)

มูจิ (MUJI) คือแบรนด์ที่ผลิตสินค้าตกแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ที่เกือบมีทุกอย่างที่เป็นของตกแต่งบ้าน จึงมีผู้นิยมนำสินค้าทุกหมวดหมู่ของมูจิมาแต่งบ้านทั้งหลัง จนกลายเป็นที่นิยมกับการจัดบ้านสไตล์ตะวันออกในช่วงปี ค.ศ. 2004 ซึ่งมักจะเป็นทรงเหลี่ยม ๆ กลม ๆ ตามรูปแบบเรขาคณิต และทำทุกอย่างให้เป็นขนาดมินิไซส์เข้าไว้ เพื่อประหยัดพื้นที่การใช้สอย และใช้ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านที่กะทัดรัด รวมถึงการใช้สีของเฟอร์นิเจอร์ที่สว่าง หากคุณสนใจที่อยากจะแต่งบ้านสไตล์มูจิบ้าง จะต้องดูต้นแบบจากหลาย ๆ ที่ไว้เพื่อศึกษาข้อมูล ไม่ใช่แค่สไตล์การตกแต่ง จะต้องดูรายละเอียดถึงการเก็บงานสายไฟ และเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สีสันไม่ตัดกับการจัดวาง เพราะ MUJI คือการแต่งบ้านที่ลงตัว มาดูกันว่าต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง? 1 ผนังเป็นสีเดียวกัน การแต่งบ้านสไตล์ MUJI จะมีรูปแบบการใช้สีที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยอยู่สบาย สว่างตา โดยสีของผนังมักเป็นสีขาว สีอ่อนหรือผนังโทนสีเดียวกัน จะมีสีเข้มเป็นสีดำ น้ำตาล หรือเทาเฉพาะบางจุด เช่นพื้น หรือ กรอบประตูเท่านั้น พร้อมทั้งเก็บสายไฟซ่อนอย่างละเอียด มองไม่เห็นการเดินสายไฟเลย 2 เฟอร์นิเจอร์เป็นสีเดียวกัน หรือเปลือยสีไม้ธรรมชาติเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในร้านมูจิจะเป็นสีไม้ธรรมชาติ เพราะการออกแบบเน้นความรักษ์ธรรมชาติ หรือหากจะเป็นไม้ทาสีก็มักจะเป็นสีขาว สีอ่อนหรือสี Earth Tone อื่น ๆ เพื่อการจัดวางของตกแต่งสีอื่นจะได้เข้ากัน 3 เลือกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็ก และปริมาณน้อยชิ้นเฟอร์นิเจอร์เพียงเล็กน้อยเท่าที่จะนำมาจัดวางได้ในห้อง เนื่องจากคนญี่ปุ่นมีแนวคิดประหยัดพื้นที่ ดังนั้นจึงพบสิ่งของที่มีความเป็นมูจิ จะลงตัวกับเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างเหมาะสมและเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยเหมือนนักออกแบบได้คิดมาแล้วว่าต้องสร้างเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดเหมาะสม 4 จัดช่องเก็บของให้มากถึงมากที่สุดการจัดบ้านแบบ มูจิ นั้นมีช่อง หรือ ชั้นวางเก็บของจำนวนมาก สิ่งของอะไรที่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็มีถาดหรือตะกร้าใส่ให้เป็นระเบียบ 5 ตกแต่งด้วยต้นไม้ต้นเล็กที่ขาดไม่ได้คือหากในบ้านมีพื้นที่วางกระถางเล็ก ๆ ได้ ก็มักจะวางไม้ดอก หรือไม้กระถาง ที่สีสันสวยงาม เน้นสีเขียวดูผ่อนคลาย และจัดใส่กระถางเซรามิกเล็ก ๆ ดูเหมาะสม เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีจุดพักสายตา ผ่อนคลาย และรู้สึกถึงความเงียบสงบ
อาชีพ พ่อค้า แม่ค้า อยากกู้บ้านผ่าน ต้องทำยังไง?

พ่อค้า แม่ค้าถือเป็นอาชีพที่มีการรับเงินสดหรือเงินโอนเพื่อนำมาหมุนใช้ในการค้าขาย ดังนั้น จึงเป็นที่ชื่นชอบของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อบ้าน ยิ่งในปัจจุบันมีการค้าขายออนไลน์รวมถึงระบบการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์เกิดขึ้น ก็สามารถสร้างพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ขึ้นมา การกู้บ้านก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เราจะมาบอกเคล็ดลับในการเตรียมตัวเพื่อยื่นกู้ซื้อบ้านกัน การเดินบัญชีสม่ำเสมอ ถือว่ามีความสำคัญมาก ถ้ามีการเอาเงินเข้าเป็นประจำสม่ำเสมอในแต่ละเดือน หมายถึงการค้าขายดี มีการหมุนเงินที่คล่องตัว มีรายได้เข้าสม่ำเสมอ ทำให้เครดิตของผู้กู้ดี ธนาคารก็จะมองว่าผู้กู้จะมีการสามารถในการผ่อนชำระได้ในทุกๆเดือน อีกทั้งยังบ่งบอกถึงวินัยทางการเงินที่ดีของผู้กู้ด้วย โอกาสที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อก็สูง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยก็อาจจะต่ำลงเนื่องจากผู้กู้มีวินัยในการทางการเงิน หากพ่อค้าแม่ค้าสามารถทำได้ตามข้อแนะนำ ก็จะทำให้การกู้ซื้อบ้านเป็นเรื่องง่ายอย่างแน่นอน
มนุษย์ฟรีแลนซ์ กู้บ้านยังไง ให้ผ่านฉลุย

การกู้ซื้อบ้านของฟรีแลนซ์ เราจะเน้นไปที่ฟรีแลนซ์แบบบุคคลธรรมดา ไม่ได้เป็นรูปแบบในนามบริษัทหรือธุรกิจจดทะเบียน มีเทคนิค ต่อไปนี้ค่ะ 1 เอกสารต้องพร้อม เอกสารที่ต้องใช้ยื่นประกอบการพิจารณายื่นกู้สินเชื่อควรเตรียมให้พร้อมและครบ โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือเอกสารพื้นฐานการที่ใช้ยื่นกู้สินเชื่อบ้าน และเอกสารที่ต้องยื่นเพิ่มเฉพาะกลุ่มผู้ทำงานอิสระหรือฟรีแลนซ์ สรุปเอกสารพื้นฐาน ประกอบไปด้วย และอีกส่วนคือเอกสารที่ใช้ในการยื่นกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยเฉพาะกลุ่มผู้ทำงานอิสระหรือฟรีแลนซ์ ประกอบไปด้วย 1.1 Statement แสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลัง อย่างน้อย 4-6 เดือน ธนาคารจะพิจารณา รายการเดินบัญชี (Statement) ของผู้กู้เพื่อดูรายรับ ดังนั้นควรยื่นบัญชีที่ใช้รับโอนค่าจ้าง หากรับจากหลายบัญชี ก็ควรรวบรวมมายื่นให้ครบ ทางธนาคารจะได้ตรวจสอบและดูรายได้รวมโดยไม่ขาดตกไป 1.2 แบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป (ภ.ง.ด.90) เมื่อถึงรอบยื่นภาษีประจำปี ซึ่งจะอยู่ช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมของปีถัดไป ฟรีแลนซ์จะต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 โดยจำนวนเงินที่รวมในการยื่นภาษีเป็นยอดรวมจากใบหัก ณ ที่จ่ายของทั้งปี หากมีใบหัก ณ ที่จ่ายหลายใบให้เอาจำนวนเงินของแต่ละใบมารวมกันแล้วยื่นภาษี ให้เก็บใบเสร็จของยอดที่ชำระไว้คู่กับแบบฟอร์มแสดงรายได้ สำหรับใบเสร็จเก็บไว้ยื่นเวลากู้สินเชื่อเพื่อเป็นหลักฐานว่าเรามีการยื่นแบบภาษีประจำปีอย่างถูกต้อง 1.3 หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (ใบ 50 ทวิ) หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นเอกสารที่ทางนายจ้างจะต้องออกให้เราหลังจากทำงานเสร็จและมีการเบิกจ่ายเงินให้เรียบร้อยแล้ว ในเอกสารจะระบุจำนวนเงินค่าจ้างและแสดงยอดเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย เอกสารนี้สำคัญมาก ควรเก็บไว้ทุกปี หากเป็นไปได้ ควรเก็บย้อนหลัง 2-3 ปีไปเลย 1.4 ใบสัญญาจ้างงาน บางกรณีบริษัทผู้ว่าจ้างจะมีสัญญาจ้างให้ฟรีแลนซ์เซ็น โดยธนาคารบางแห่งจะขอให้ผู้กู้ยื่นสัญญาจ้างงานนี้ไปด้วยเวลาส่งเอกสารเพื่อให้เอกสารโดยรวมดูน่าเชื่อถือมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเอกสารอื่นๆ เช่น ใบแจ้งหนี้ (Invoice), ใบเสนอราคาที่ได้รับการอนุมัติแล้ว (Quotation ), ใบเสร็จรับเงิน (Receipt), รูปถ่ายผลงาน มีความเกี่ยวข้องกับงานที่ทำ รวมถึงผลงานอื่นๆ ของตัวผู้กู้เอง 2 ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกปี การจ่ายภาษีเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับอาชีพฟรีแลนซ์ ทุกๆปีเราต้องยื่นแบบภาษีภายใต้ระยะเวลาที่กำหนด โดยการอ้างอิงข้อมูลรายได้ตามใบ 50 ทวิ ที่ออกโดยบริษัทผู้ว่าจ้าง เมื่อยื่นแบบภาษีแล้วก็จะได้รับเอกสาร ภ.ง.ด.90 และใบเสร็จรับเงิน มนุษย์ฟรีแลนซ์อย่างเราควรเก็บเอกสารทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายภาษีไว้ให้ดี และควรเก็บย้อนหลังนาน 2-3 ปี เพื่อจะได้มีหลักฐานยื่นกับทางธนาคารได้ค่ะ 3 ไม่ติดเครดิตบูโร ข้อนี้ค่อนข้างสำคัญ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สินเชื่อธนาคารจะขอให้ผู้กู้เซ็นยินยอมให้มีการตรวจสอบประวัติทางธุรกรรม โดยผู้ดำเนินการเก็บข้อมูลคือบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือที่เรียกติดปากว่า “เครดิตบูโร” คนไทยที่ทำธุรกรรมการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเปิดบัญชีออม ผ่อนจ่ายบัตรเครดิต ผ่อนรถ ผ่อนสินค้า กดบัตรเงินสด หรือรายการทำธุรกรรมอื่นๆ จะถูกบันทึกประวัติไว้ในฐานข้อมูลนี้ทั้งหมดเลย และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นฐานข้อมูลให้แก่กลุ่มธนาคารใช้พิจารณาประกอบการให้สินเชื่อ ยิ่งตอนเราจะกู้ซื้อบ้าน ข้อมูลประวัติการทำธุรกรรมก็ควรอยู่ในเกรดดี ไม่ติด Blacklist หาก มีหนี้สินมากกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ธนาคารจะแนะนำให้ผู้กู้ไปเคลียร์หนี้สิน ชำระที่ยังคงค้างรายการต่างๆให้หมดก่อน กระทั่งปิดบัตรเครดิตไปเลยก็มี หรือเท่าที่เราจะสามารถเคลียร์ได้ จากนั้นก็จะส่งเคสให้เจ้าหน้าที่สินเชื่อพิจารณาอีกที 4 มีวินัยในการออมเงิน การมีบัญชีเงินออม ฝากเงินเข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยแสดงศักยภาพและความมีวินัยด้านการเงินของผู้กู้ที่เป็นฟรีแลนซ์ได้ เวลาแสดงบัญชีเงินออมให้ธนาคารพิจารณา ก็ควรยื่นเอกสาร Statement ย้อนหลังควบคู่ไปด้วยโดยไม่จำเป็นต้องเป็นบัญชีของธนาคารเดียวกันกับที่ขอยื่นกู้ การฝากเงินออมไม่มีขั้นต่ำที่แน่นอน แต่ถ้าสามารถฝากได้สม่ำเสมอ ก็จะทำให้บัญชีเงินฝากดูดี และเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ โดยควรออมสม่ำเสมอติดต่อกัน ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี เป็นอย่างต่ำ
ไอเดีย แต่งสวนสวย ให้มีสีสัน

1. วางแผ่นทางเดิน เพื่อทำเป็นทางเดิน เราอาจจะวางแผ่นพื้นท้องเรียบ หรือ วางแผ่นหินธรรมชาติ เช่น หินแม่น้ำ หินกรวดขนาดต่างๆ เพื่อให้ดูกลมกลืนกับต้นไม้โดยรอบ 2. เลือกไม้กระถางที่มีหลากหลายสีสัน หรือมีหลายๆขนาดวางผสมๆกัน ตัวอย่างไม้พุ่มที่มีสีหลากหลาย เช่น สัปปะรดสี บอนสี ฤาษีผสม โดยเราสามารถเลือกไม้ที่มีหลากหลายสีวางไม้กระถางวางหลายระดับ เช่น บางส่วนวางบนขอนไม้เพื่อยกระดับความสูง บางส่วนวางบนพื้น จะรู้สึกถึงความสดชื่น และทำให้สวนดูมีสีสันมากขึ้น 3. พื้นที่นั่งเล่น ข้างบ้าน เพื่อเพิ่มพื้นที่พักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ หลังจากที่เราทำงานมาทั้งวัน ก็ได้เวลาพักผ่อน โดยเราหาชุดโต๊ะ เก้าอี้ มาวางในสวนเพื่อให้มีเวลาในการใช้เวลาทำกิจกรรมกลางแจ้งกับคนในครอบครัว หรือจะเป็นที่นั่งชิลล์ในวันที่อากาศดีๆ 4. บ่อน้ำพุ หรือ บ่อเลี้ยงปลา สิ่งเคลื่อนไหวเล็กๆในสวน เช่น เสียงน้ำบ่อน้ำพุเล็กๆ หรือ บ่อเลี้ยงปลา จะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายเวลานั่งอยู่ในสวน 5. ศาลาไม้เลื้อย หรือเอาไม้ไผ่มาทำเป็นโครงเพื่อนำไม้เลื้อย หรือไม้ดอก ปลูกด้านบนซุ้มไม้ดอกหรือศาลานั่งเล่น